ผู้รู้ทางด้านดนตรีหลายท่านได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของดนตรีไว้หลายรูปแบบด้วยกัน
ในที่นี้จะนำมากล่าวไว้โดยสังเขปดังนี้
1. ดนตรีเกิดจากการแสดงออกทางอารมณ์ของมนุษย์ เช่น เมื่อเกิดความพอใจสนุกสนาน ก็เปล่งเสียงออกมา หรือปรบมือกระทืบเท้าบ้าง ใช้ไม้เคาะสิ่งต่างๆ บ้าง นาน ๆ เข้าก็หาวิธีการที่จะทำให้เกิดเสียงแปลก ๆ โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ
เข้าช่วย จนกลายเป็นเสียงดนตรีไปในที่สุด เสียงดนตรียุคแรก ๆ จึงเป็นการเลียนเสียงธรรมชาติที่มีไม่กี่เสียง จังหวะก็ง่าย ๆ แล้วจึงได้รับการพัฒนามาเป็นลำดับ มนุษย์แต่ละเผ่าต่างก็มีดนตรีของตนเองเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
2. ดนตรีเป็นเรื่องของศิลปะที่เกี่ยวกับเสียงที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมนุษย์อาจลอกเลียนเสียงมาจากธรรมชาติหรือเสียงอะไรก็ตาม แล้วนำเสียงนั้นมาเรียบเรียงให้มีระเบียบ และที่สำคัญที่สุด คือ ดนตรีต้องมีอารมณ์ในการที่จะสื่อไปยังผู้ฟัง
3. ดนตรีมีธรรมชาติที่แตกต่างไปจากศิลปะแขนงอื่น ๆ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
1. ดนตรีเป็นสื่อทางอารมณ์ที่สัมผัสได้ด้วยหู กล่าวคือ หูนับเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถสัมผัสกับดนตรีได้ ผู้ที่หูหนวกย่อมไม่สามารถทราบได้ว่าเสียงดนตรีนั้นเป็นอย่างไร
2. ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม กล่าวคือ กลุ่มชนต่าง ๆ จะมีวัฒนธรรมของตนเอง และวัฒนธรรมนี้เองที่ทำให้คนในกลุ่มชนนั้นมีความพอใจและซาบซึ้งในดนตรีลักษณะหนึ่งซึ่งอาจแตกต่างไปจากคนในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คนไทยเราซึ่งเคยชินกับดนตรีไทยและดนตรีสากล เมื่อไปฟังดนตรีพื้นเมืองของอินเดียก็อาจไม่รู้สึกซาบซึ้งแต่อย่างใด แม้จะมีคนอินเดียคอยบอกเราว่าดนตรีของเขาไพเราะเพราะพริ้งมากก็ตาม เป็นต้น
3. ดนตรีเป็นเรื่องของสุนทรียศาสตร์ว่าด้วยความไพเราะ ความไพเราะของดนตรีเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถซาบซึ้งได้และเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ กับทุกคน ทุกระดับ ทุกชนชั้น ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
4. ดนตรีเป็นเรื่องของการแสดงออกทางอารมณ์ เสียงดนตรีจะออกมาอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าของอารมณ์ที่จะช่วยถ่ายทอดออกมาเป็นเสียง ดังนั้นเสียงของดนตรีอาจกล่าวได้ว่าอยู่ที่อารมณ์ของผู้ประพันธ์เพลงที่จะใส่อารมณ์ลงไปในเพลงตามทีตนต้องการ ผู้บรรเลงเพลงก็ถ่ายทอดอารมณ์จากบทประพันธ์ลงบนเครื่องดนตรี ผลที่กระทบต่อผู้ที่ฟังก็คือ เสียงดนตรีที่ประกอบขึ้นด้วยอารมณ์ของผู้ประพันธ์ผสมกับความสามารถของนักดนตรีที่จะถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์หรอมีความไพเราะมากน้อยเพียงใด
5. ดนตรีเป็นทั้งระบบวิชาความรู้และศิลปะในขณะเดียวกัน กล่าวคือ ความรู้เกี่ยวกับดนตรีนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเสียงและการจัดระบบเสียงให้เป็นท่วงทำนองและจังหวะ ซึ่งคนเราย่อมจะศึกษาเรียนรู้ “ความรู้ที่เกี่ยวกับดนตรี” นี้ก็ได้ โดยการท่อง จำ อ่าน ฟัง รวมทั้งการลอกเลียนจากคนอื่นหรือการคิดหาเหตุผลเอาเองได้ แต่ผู้ที่ได้เรียนรู้จะมี “ความรู้เกี่ยวกับดนตรี” ก็อาจไม่สามารถเข้าถึงความไพเราะหรือซาบซึ้งในดนตรีได้เสมอไป เพราะการเข้าถึงดนตรีเป็นเรื่องของศิลปะ เพียงแต่ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับดนตรีนั้นจะสามารถเข้าถึงความไพเราะของดนตรีได้ง่ายขึ้น
ที่มา >>>> http://studentwork.srp.ac.th/Website/Art/music/nat02.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น